กระจก ตัวการสำคัญแห่งพลังดี-ร้าย

    สิ่งของทุกอย่างในโลกนี้ล้วนมีคุณและโทษแตกต่างกัน อยู่ที่ผู้ใช้รู้จักเลือกใช้ให้เหมาะแก่ความต้องการ แม้ของที่มีโทษก็อาจให้คุณได้ ในขณะเดียวกันของที่ดูว่าน่าจะให้โทษได้ก็กลับให้คุณได้ไม่แพ้กัน อยู่ที่ผู้ใช้จะเลือกใช้อย่างถูกวิธีเพียงใด

     หากพูดถึงกระจกใครๆก็รู้จัก แม้แต่เด็กเล็กๆที่รู้ก็เพราะเคยได้ยินนิทานเรื่องกระจกวิเศษกันมาแล้ว ว่ากระจกนั้นแสนวิเศษนักหนา สามารถบอกได้ว่าใครงามเป็นเลิศในปถพีได้ แต่กระจกที่จะกล่าวถึงในที่นี้มีคุณสมบัติมากกว่านั้น หรืออาจจะไม่มากกว่า แต่เป็นคนละประเภทกันทั้งๆที่เป็นกระจกเหมือนกัน ในสมัยที่ฮวงจุ้ยเฟื่องฟูใครต่อใครมักจะแนะนำให้แก้ไขสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นด้วย " กระจก " แต่ก่อนที่จะนำมาใช้เราควรรู้ถึงคุณสมบัติของกระจกกันสักหน่อย และจะได้ช่วยกันวิเคราะห์ว่า คุณสมบัติที่มีนั้น น่าจะนำไปแก้ไขอะไรได้บ้างในแง่ของ " ฮวงจุ้ย "

    สมัยก่อนที่ฮวงจุ้ยยังไม่เข้ามามีบทบาท กระจกที่นำมาใช้ก็เห็นจะมีแต่กระจกเงาที่แพร่หลายมาก ในที่นี้เราจะไม่พูดถึงกระจกฝ้าหรือกระจกสีชา หรือกระจกใสที่เคลือบด้วยฟิล์มกันแสง อาจจะรู้จักกระจกนูนบ้างแต่ไม่แพร่หลายนัก เพราะจะติดอยู่ตามทางที่หักข้อศอกในบางจุดของถนน ซึ่งยังไม่แพร่หลายเหมือนเดี๋ยวนี้ที่เห็นไปทั่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามซอยแยกหรือทางลัดต่างๆ ส่วนกระจกเว้าแทบจะไม่รู้จักกันเลยว่ามีอยู่ในการใช้งาน และแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเอากระจกเว้านี้ไปทำอะไรได้ เราลองมาดูคุณสมบัติต่างๆของกระจกแต่ละแบบดังนี้

     กระจกเงา เป็นกระจกสำหรับการเพิ่ม เช่นนำมาส่องให้เห็นใบหน้า เพิ่มจากตัวเองเป็นอีกหนึ่งหน้าในกระจก ทำให้เห็นความงามและไม่งามตามแรงแห่งพลังของความกว้างยาวที่มีอยู่ของกระจก รวมทั้งพลังแห่งการดึงดูดที่เป็นอยู่ กระจกบางแผ่นดูแล้ว " หลอก " เห็นหน้าตาเราบูดเบี้ยวหรือใหญ่กว่าเป็นจริง เวลาเราจะซื้อกระจกส่องหน้าเราก็จะดูว่ากระจกนี้หลอกหรือเปล่า ถ้าหลอกเราก็ไม่ซื้อมาใช้ เพราะไม่ต้องการเห็นภาพตัวเองที่ออกมาดูไม่ได้ หรืออ้วนกว่าความเป็นจริง

     การนำกระจกเงามาใช้งานในแง่ฮวงจุ้ยก็คือนำมาเพิ่มพลัง เช่น ในห้องอาหาร หรือภัตตาคารต่างๆ ทำให้ห้องดูกว้างขึ้นด้วย และยังทำให้เห็นลูกค้าเพิ่มเป็นสองเท่า ข้อเสียซึ่งได้เกริ่นมาแต่แรกแล้วว่า ของทุกอย่างมีทั้งดีและเสีย ควรเลือกพิจารณาเอาเองนั้น ทำให้เกิดการสะท้อนกลับ แสงไฟภายในห้องจะถูกกระจกสะท้อนกลับไปมาทำให้เกิดอาการวิงเวียนได้ง่าย ไม่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยทั่วไป เช่นไปกรุกระจกรอบห้องในบ้าน จะทำให้คนในบ้านทะเลาะเบาะแว้งกันได้ง่าย ด้วยแรงสะท้อนไปและสะท้อนกลับของกระจก และข้อสำคัญกว่านั้นคือ ทำให้ป่วยง่าย หากอยู่ในห้องนั้นเป็นเวลายาวนาน เช่น ห้องนอน แม้การวางกระจกส่องเตียงก็ยังไม่ถึงกับกรุหมดทั้งห้อง ก็ยังเป็นสาเหตุให้เกิดการเจ็บไข้ในส่วนที่ถูกพลังของกระจกกดทับนานๆได้เช่นกัน

     ร้านอาหารบางร้านไม่ถึงกับติดกระจกรอบห้อง แต่ติดไว้ตามเสา นัยว่าเป็นการแก้เคล็ดที่มุมเสาที่แหลมคม หารู้ไม่ว่ามุมของกระจกนั้นแหลมคมยิ่งกว่ามุมของเสาปูนเป็นไหนๆ หากกรุกระจกก็ต้องมีขอบไม้ปิดมุมอีกชั้นหนึ่งจึงจะปลอดภัย ไม่อย่างนั้นเวลาลูกค้าเมาๆแล้วเกิดเดินไปกระทบกับมุมกระจกเข้ายิ่งอันตรายมาก

    กระจกนูน ส่วนใหญ่เป็นรูปทรงกลมนูนออกมา แต่ในปัจจุบันจะมีรูปแปดเหลี่ยมเป็นการเลียนแบบยันต์แปดทิศ เวลาเราไปยืนดูอยู่หน้ากระจกใกล้ๆจะเห็นภาพตัวเราล้มเอนไปด้านข้างแถมบิดเบี้ยวอีกต่างหาก ไม่เหมือนกระจกเงาที่เห็นหน้าตรงๆ ใช้สำหรับสิ่งที่เราไม่ต้องการให้พุ่งเข้าหาเรา เช่นการติดตรงข้ามบ้านร้าง ติดเพื่อสลายพลังของมุมที่แหลมคมจากอาคารอื่นๆ หรือติดเพื่อสลายพลังร้ายของสิ่งต่างๆที่เราไม่สามารถไปถอดถอดออกไปได้ เช่นกองขยะของคนอื่น หลังตาบ้านที่ผุพังของบ้านหรือโรงงานตรงข้ามบ้านเรา ทางที่พุ่งชนส่วนหนึ่งส่วนใดของบ้าน เพราะพลังร้ายเหล่านี้มีผลในด้านความเสื่อมโทรม ชำรุด เสียหาย ทำให้เกิดความมัวหมอง รวมไปถึงความเจ็บไข้และอุบัติเหตุที่จะเข้ามาเยือนได้โดยง่ายอีกด้วย

    กระจกเว้า โดยปกติกระจกประเภทนี้ไม่เคยเห็นการใช้งานที่ไหนเลยนอกจากการนำมาแก้ไขทางด้านฮวงจุ้ยเท่านั้น เป็นการดึงดูดพลังเข้ามาหาตัวเรา สำหรับผู้เขียนไม่แนะนำให้ใช้ เพราะข้อเสียก็คือ การดึงดูดพลังเหล่านี้อาจไปดึงพลังที่ไม่พึงประสงค์เข้ามาหาตัวเราได้ง่ายด้วย หากนำมาใช้ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก สำหรับการติดกระจกในการใช้งานนั้น กระจกเงาสามารถติดได้ทั้งนอกและในบ้าน แต่กระจกนูนและกระจกเว้าติดได้เฉพาะนอกบ้านท่านั้น ไม่ควรนำมาติดในบ้านเด็ดขาด แม้กระจกเงาเอง ก็ต้องเลือกสถานที่ติดอย่าให้ตรงกับที่นั่งหรือที่นอนของคนใดในบ้าน เป็นอันขาด.